[Tip & Trick] iPhone หยุด ทำอย่างไร? พร้อม วิธีควานหา iPhone ศูนย์ให้ได้กลับคืน

[Tip & Trick] iPhone หาย ทำอย่างไร? วิธีตามหา iPhone หายให้ได้คืน พร้อมแนะสิ่งที่ต้องทำ ตราบใดใช้ iPhone

iPhone หาย ทำยังไงดี? เชื่อได้เลยว่า หลายๆ ท่านคงจักประสบพบเจอกับประโยคคำถามดังกล่าว ทั้งเจอกับตัวเอง หรือไม่แม้แต่เพื่อนฝูงพร้อมกับคนรอบข้าง แน่นอนครับว่า ปัญหาเรื่อง มือถือหาย เป็นเรื่องที่ทำได้พบเจอได้บ่อย พร้อมทั้งมีหลากหลายสาเหตุด้วยกัน ไม่ว่าจักเป็น ลืมทิ้งไว้, ทำหล่นหาย หรือไม่ก็แม้แต่ถูกขโมยไป

ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ มักจักเกิดขึ้นจากความประมาท และไม่ได้ตั้งใจ พร้อมกับเชื่อว่าคงไม่มีใครตะโกรงทำ โทรศัพท์มือถือหาย กันอย่างแน่นอน บางท่านที่ทำ iPhone หาย มักจักคิดว่า ไม่ได้คืนแล้วอย่างแน่นอน แต่ในความแท้แล้ว เราอาจ ติดตาม iPhone ที่หายไปคืนได้ ข้ามทางแอปพลิเคชันที่มีชื่อว่า Find My iPhone นั่นเอง

แอปพลิเคชัน Find My iPhone มีดีอย่างไร?

Find My iPhone ถือว่า เป็นแอปพลิเคชันสำคัญ ที่ผู้ใช้ iPhone รวมไปถึง iPad จำเป็นต้องมีไว้ติดเครื่อง ซึ่งอาจจักระบุพิกัดของ iPhone ได้ ข้ามทาง GPS นั่นเอง นอกจาก Find My iPhone แล้ว ยังมี iCloud ที่ยังอาจเข้าถึงข้อมูลบางส่วนของ iPhone ได้ ถ้าถ้ามีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอยู่ อย่างไรก็ดี Find My iPhone จะไม่เชี่ยวชาญใช้งานได้ ถ้าถ้า ตัวเครื่องถูกปิดการใช้งาน, ไม่ได้มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต, อยู่ในโหมด Airplane Mode พร้อมกับยังไม่ได้ทำการเปิดใช้งาน Find My iPhone ครับ

ท่านที่อ่านมาถึงบรรทัดนี้ อาจจักเกิดข้อสงสัยว่า ถ้าสมมติว่า iPhone ที่ถูกขโมย ถูกปิดเครื่องไปแล้ว จักอาจติดตามหา iPhone ที่หายไปได้อย่างไร ยิ่งๆ แล้วยังพอมีวิธีอยู่บ้าง ซึ่งจักกล่าวเป็นลำดับถัดไปครับ

สิ่งที่ควรปฏิบัติ ภายหลังซื้อ iPhone มาใหม่ๆ

วิธีการป้องกัน ไม่ให้ผู้ที่ไม่ประสงค์ดี ล้วงข้อมูลส่วนตัวบน iPhone ไป นั่นก็คือ การตั้งรหัสพ้น 4 หลัก หรือว่า Passcode นั่นเอง พร้อมกับไม่ควรรับสั่งรหัสพ้นกับใคร แม้ว่าจะเป็นบุคคลที่สนิทสนมด้วยก็ตาม อีกทั้ง ไม่ควรตั้งรหัสทะลุตามรหัสบัตร ATM ด้วยนะครับ เพราะมิเช่นนั้น นอกจากจักสูญ iPhone แล้ว อาจจะสูญเงินในบัญชีด้วยเช่นกัน

แต่เพราะด้วยบน iPhone 5S, iPhone 6 และ iPhone 6 Plus จักมี Touch ID หรือว่าเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ เพิ่มเข้ามาด้วย ซึ่งควรจะเปิดใช้งานควบคู่กับ รหัส Passcode พร้อมทั้งอย่าให้คนนอก มาเพิ่มลายนิ้วมือในตัวเครื่อง

วิธีการเปิดใช้งาน Passcode

1) เข้าไปที่ Settings > Passcode
2) เลือก Turn Passcode On
3) จากนั้น ระบบจักให้ใส่รหัสผ่าน 4 หลัก ทั้งหมด 2 ครั้ง และให้ใส่เหมือนกันทั้ง 2 ครั้ง เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

นอกจากการตั้งรหัสเปลี่ยน Passcode แล้ว ให้เปิดใช้งาน Find My iPhone เป็นลำดับถัดไป เพราะจักต้องใส่ Apple ID ด้วยกันรหัสลอด นอกจากนี้ อย่าลืมเปิด Location Services พร้อมทั้งเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตด้วยนะครับ อันนี้ถือว่าสำคัญมาก เพราะถ้าหากปิดใช้งาน Location Services จะไม่สมรรถค้นหาตัวเครื่องที่หายได้เช่นกัน

พร้อมด้วยสุดท้าย ให้จดหมายเลข IMEI ของตัวเครื่อง (วิธีการเช็คหมายเลข IMEI คลิกที่นี่) ด้วยการกด *#06# ก็จักปรากฏเลข IMEI จำนวน 15 หลัก ซึ่งเลข IMEI นี้ เป็นได้นำไปตรวจสอบกับผู้ให้บริการอย่าง dtac, TrueMove H พร้อมด้วย AIS ได้เช่นกัน

วิธีการติดตามหา iPhone ที่หาย ข้ามทาง Find My iPhone

ก่อนที่เราจะทำการค้นหา iPhone ที่หาย ตัดผ่านทางแอปพลิเคชัน Find My iPhone อันดับแรกก็คือ พยายามตั้งสติ พร้อมกับนึกก่อนว่า ลืม iPhone ทิ้งไว้ที่ไหนใช่ไหมไม่ อย่างเช่น ร้านอาหาร, บ้านเพื่อน หรือไม่บนรถแท็กซี่ พร้อมด้วยลองโทรเข้าหา iPhone เครื่องที่หายไปเสียก่อน แต่ถ้าสมมติว่าไม่สามารถติดต่อได้ ให้ทำการค้นหาตัดผ่านทาง Find My iPhone ครับ

เข้าไปที่ icloud.com แล้วล็อกอินด้วยการใส่ Apple ID พร้อมรหัสทะลวง

จากนั้น เข้าไปที่แอปพลิเคชัน Find My iPhone

โดยหน้านี้ จักเป็นลักษณะคล้ายกับแผนที่ ซึ่งจะมีการระบุตำแหน่งของ อุปกรณ์ Apple ที่เรามีทั้งหมด ไม่ว่าจักเป็น MacBook, iPhone ไม่ก็ว่า iPad นั่นเอง

นอกจากนี้ ที่มุมบนขวา จะมีเมนูย่อยๆ ให้เเลื่องกใช้งานอีก 3 เมนูด้วยกัน ได้แก่

• Play Sound : ตราบกดที่ปุ่ม Play Sound อุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจักเป็น iPhone หรือ iPad จะมีเสียงดังขึ้นมา แม้ว่าตัวเครื่องจะปิดเสียงไว้ก็ตาม ซึ่งวิธีนี้ อาจใช้กับ iPhone หรือไม่ iPad ที่หาไม่เจอ จนกระทั่งถูกลืมทิ้งไว้ในบ้านนั่นเอง

• Lost Mode : ทันทีที่กดใช้งาน Lost Mode จักมีหน้าจอให้ใส่เบอร์โทรศัพท์ พร้อมด้วยข้อความ กับจะทำการส่งไปยังหน้าจอ iPhone เครื่องที่เราทำหาย ด้วยกันมีผู้เก็บได้ ซึ่งผู้ใช้ควรจักทำการระบุข้อมูลให้ครบถ้วน โดยเฉพาะเบอร์โทรศัพท์ติดต่อกลับ

• Erase iPhone : ใช้ลบข้อมูลทุกอย่างที่มีอยู่ในตัวเครื่อง เพื่อป้องกันข้อมูลรั่วไหล

วิธีการติดตามหา iPhone ที่หาย กรณีเครื่องถูกปิด

นอกจาก Find My iPhone จักช่วยสามารถตามหา iPhone ที่หายไปได้แล้ว เลข IMEI ถือว่า เป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยตามหา iPhone ได้เช่นกัน โดยเฉพาะในกรณีที่ iPhone แบตเตอรี่หมด เหรอตัวเครื่องถูกปิดไปนั่นเอง

เพราะว่าเจ้าของเครื่อง จักต้องเตรียมเอกสารและหลักฐานการเป็นเจ้าของ iPhone เครื่องที่หายไป ไม่ว่าจักเป็น ตัวกล่อง, ใบเสร็จรับเงิน รวมไปถึงเลข IMEI ที่รอบรู้ดูได้จากข้างกล่อง พร้อมกับนำหลักฐานทั้งหมด ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ จนกระทั่งเสร็จสิ้นแล้ว ให้นำเอกสารแจ้งความ ไปยื่นยังฝ่ายกฏหมายของผู้ให้บริการเครือข่าย ตามเครือข่ายที่เราใช้งาน ไม่ว่าจักเป็น TrueMove H, dtac ไม่ก็ AIS เพื่อทำการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม

พร้อมด้วยทันทีที่ใดที่ iPhone ที่ถูกขโมย มีการเปิดใช้งาน จะมีข้อมูลแจ้งไปยัง ผู้ให้บริการเครือข่ายรายนั้นๆ ซึ่งระหว่างนี้ ให้เราพยายามติดต่อสอบถามทาง ผู้ให้บริการเครือข่าย บ่อยๆ เพราะถ้าสมมตมีการเปิดใช้งาน จักเป็นได้ค้นหาพิกัดได้ พร้อมกับนำข้อมูลเหล่านั้น ไปแจ้งยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อทำการติดตามเครื่องถัดจากครับ

ถ้าสมมุติยังหา iPhone ไม่เจอ ควรทำอย่างไร?

แม้ว่าจักเช็คข้อมูลเปลี่ยนทาง Find My iPhone หรือตรวจสอบกับทางผู้ให้บริการแล้ว แต่ก็ยังไม่เป็นได้ติดตามตัวเครื่องได้ ทางที่ดี ผู้ใช้ควรจักทำการเปลี่ยนรหัสทะลวงทั้งหมด ไม่ว่าจักเป็น Apple ID, บัญชีอีเมล รวมไปถึงรหัสทะลุทะลวงอื่นๆ อย่างเช่น Facebook, Twitter เพื่อความปลอดภัยของข้อมูลทั้งหมดครับ

ทิ้งท้ายไว้กันสักเล็กน้อย สำหรับผู้ใช้งาน iPhone หรือไม่ก็ iPad ควรจะเปิดใช้งาน Find My iPhone กับตั้งรหัสลอดตัวเครื่องเสมอ แม้ว่าบางท่านอาจจักคิดว่า เป็นคนระมัดระวังอยู่แล้ว ถึงอย่างไรก็ไม่มีทางทำ iPhone หายได้ แต่อุบัติเหตุอาจจักเกิดขึ้นได้เสมอแบบไม่คาดคิดครับ

ฉะนั้นครั้นซื้อ iPhone มาใช้งานใหม่ อย่าลืมทำ 3 ขั้นปัจจุบันนี้ก่อนทุกครั้ง นั่นก็คือ ตั้งรหัสลอด Passcode เข้าตัวเครื่อง, เปิดใช้งาน Find My iPhone และจดเลข IMEI เพราะตรวจสอบ ซึ่ง 3 ขั้นตอนนี้ ทำให้ผู้ที่ทำ iPhone หาย สมรรถติดตามหาเครื่องที่หาย พร้อมทั้งได้คืนมาแล้วหลายรายเลยทีเดียว

ที่มา: http://hitech.sanook.com/1393553

ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> www.hitech.sanook.com

ใช้งานโน๊ตบุ๊คให้เสถียร ปรนนิบัติวัตถากคุ้มครองแบบง่ายๆ ด้วยตัวคุณ

แปลกใจมั้ยที่บางคนหวงแหน Notebook ยิ่งกว่าสิ่งใด ชนิดที่จับก็ไม่ให้ เปิดก็ไม่ได้ เข้าใช้ก็ต้องมีรหัส นั่นก็เพราะว่าโน๊ตบุ๊คค่อนข้างอ่อนไหวกว่าพีซี ยิ่งเดี๋ยวนี้มีขนาดเล็กและบางลง อันตรายที่เป็นภัยคุกคามก็อื้อซ่าขึ้น สมมุติไม่ระวังให้ดีอาจสูญเสียได้ทั้งตัวเครื่องพร้อมกับข้อมูล ร้อยทั้งร้อยก็จักกราบทูลว่า ไม่น่าเลย แต่แม้ว่าเราเตรียมความพร้อม มีความระมัดระวัง แม้จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ก็ยังพออุ่นใจได้ แต่นั่นหมายถึงว่า คุณต้องรู้จักคำว่า “เตรียมตัว” แต่จักเตรียมอย่างไรบ้างนั้น ต้องมาดูกัน

มองไว้อย่าให้คลาดสายตา : ฟังดูเหมือนเป็นลูกหลานที่บ้านอย่างไรก็ไม่รู้ ที่ว่าต้องคอยดูไว้ ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องมานั่งจ้องกันตลอด ถ้าอยู่ในบ้านก็คงต้องดูว่าลูกหลานไม่ก็สัตว์เลี้ยงภายในบ้าน เอาไว้ด้วย เพราะบางครั้งด้วยความซุกซน ก็อาจทำให้โน๊ตบุ๊คเราหล่นเสียหาย เปียกน้ำใช่ไหมโดนข่วนขย้ำ ก็อาจทำให้เครื่องบอบช้ำได้ แต่ถ้าเป็นนอกบ้าน อย่างเช่นเอาไปใช้ที่ร้านอาหาร ออฟฟิศอื่น ไซต์งาน ก็คงต้องหมั่นดูเป็นพิเศษ เพราะว่าคลาดสายตาแปปเดียว โน๊ตบุ๊คเราอาจจักไปอยู่ในมือคนอื่นได้ทันที อย่างที่เราเคยเห็นกันบ่อยๆ ที่กล้องวงจรปิดจับได้ มีมือดีใช้เวลาเหมือนเสี้ยววินาทีก็ฉกไปได้แล้ว แบบนี้ต้องหมั่นสังเกต

ล็อคไว้ให้แน่นหนา : หลายคนอาจจักถามว่า ถึงขนาดต้องล็อคเลยหรือว่า? คำตอบคือ ถ้าจำเป็นก็ต้องทำครับ ไม่อย่างนั้น Notebook จะยังมีช่องใส่ตัวล็อคด้านข้างมาทำไมนักมั้ย เพราะว่าในบางกรณีบางสถานที่ ติดตั้งตัวล็อคไว้กับโต๊ะน่าจะปลอดภัยยิ่งขึ้น เเลื่องลือกสายล็อคดีๆ มีรหัสสักเส้นติดตัวเอาไว้ ถึงเวลาใช้ก็แค่ต่อเข้ากับเครื่อง ก็เหมือนกับเราใช้รถ แม้อุปกรณ์เหล่านี้ไม่ได้ป้องกันได้เต็มร้อย แต่ก็ถ่วงเวลาได้พอสมควร อย่างน้อยก็อุ่นใจ ในช่วงที่ไม่ได้อยู่ใกล้โน๊ตบุ๊คเรานั่นเอง

ตั้งพาสส์เวิร์ดให้มีประสิทธิภาพ : อันนี้เป็นสิ่งพื้นฐานที่จำเป็นต้องทำเป็นอันดับต้นๆ ก็เพราะว่าส่งผลดีในกรณีที่ไม่อยู่ที่โต๊ะหรือว่าลุกไปเข้าห้องน้ำ จะได้ไม่มีใครมายุ่มย่ามกับ Notebook เรา บางครั้งไม่อาจรู้ได้ว่าจุดประสงค์ดีใช่ไหมหวังร้าย การเปิดเครื่องคุณพร้อมทั้งเข้าถึงระบบต่างๆ ได้ง่าย เป็นเรื่องที่อันตรายพอสมควร การตั้งพาสเวิร์ดมีกฏง่ายๆ ไม่กี่ข้อ ตั้งด้วยอักขระไม่น้อยกว่า 8 ตัว เป็นคำผสมพยัญชนะ ตัวเลข พร้อมทั้งอักขระพิเศษรวมกัน ที่สำคัญคือ อย่าให้อ่านเป็นคำได้ไม่ก็มีความหมายเท่านั้นก็พอ

ใช้ระบบยืนยันตัวตนแบบอื่นเพิ่มด้วย : การใช้ระบบป้องกัน ด้วยการยืนยันตัวตนนอกเหนือจากการใช้พาสเวิร์ดในการเข้าถึง เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยป้องกันการเข้าถึงข้อมูลถภายใน Notebook  อย่างน้อยสมมติถูกฉกโน๊ตบุ๊คไป ก็พออุ่นใจได้ว่าบรรดาธุรกรรมออนไลน์ที่คุณใช้งานอยู่จักไม่เป็นได้เปิดมาใช้ ได้ทันทีหรือมีความเสี่ยงที่ต่ำนั่นเอง ปัจจุบันการป้องกันที่ยังพอมีให้เห็นกันอยู่ก็คือ ระบบ Fingerprint scan ไม่ใช่หรือสแกนลายนิ้วมือก่อนเข้าใช้งาน ก็เป็นอีกทางเลืกหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อย

สำรองข้อมูลเอาไว้ สบายใจกว่า : แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ว่าเครื่องจะหายใช่ไหมเกิดสิ่งใดขึ้นก็ตาม การสำรองข้อมูลของ Notebook เอาไว้ เป็นทางเดียวที่จะช่วยให้คุณกลับมาสู่สภาพปกติได้เร็วที่สุด เพราะว่าบางครั้งการที่โน๊ตบุ๊คหาย ยังไม่เสียดายเท่ากับไฟล์งานที่เก็บไว้จักทำใหม่ต้องเสียเวลาอีกมากมายใช่ไหม ไม่เหมือนเดิม รูปถ่ายความทรงจำ งานโปรเจกท์ที่กำลังเสนอเพื่อจบ สิ่งเหล่านี้มีมูลค่ามากกว่าตัวเครื่องที่เราแค่เดินไปซื้อที่ร้านมาก็ใช้ งานได้แล้ว ดังนั้น Backup Data เสียแต่วันนี้ ก่อนที่จะไม่มีโอกาสอีกครั้ง

ทั้งนี้ทั้งนั้นการที่คุณสามารถทำได้ทั้งหมดนี้ ก็ไม่ใช่ว่าจักปลอดภัยร้อยเปอร์เซนต์ แต่อย่างน้อยก็ลดความเสี่ยงไปได้มากทีเดียว ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ วิจารณญาณของคุณเอง ว่าจักใส่ใจต่อโน๊ตบุ๊คของคุณมากพางใด

ที่มา: http://hitech.sanook.com/1393357

ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> www.hitech.sanook.com

หลุดสเปค Samsung Galaxy S6 แน่ๆเดะ!!

Samsung Galaxy S6 (ซัมซุง กาแล็คซี่ เอส6) - เหมือนว่าข่าวความเคลื่อนไหวของสมาร์ทโฟนในตระกูล Galaxy S รุ่นถัดจะขยันมีข่าวหลุดออกมาให้เราได้เสพกันไม่หยุดเพราะว่า Samsung Galaxy S6 สมาร์ทโฟนเรือธงแบบใหม่ล่าสุดจาก ซัมซุง

ล่าสุดนั้นเว็บไซต์ AnTuTu ได้นำเสนอข้อมูลซึ่งอ้างว่าเป็นของผลการแข่งขัน Benchmark ของ Galaxy S6ทะลุโปรแกรมชิงชัยยอดนิยมอย่าง AuTuTu จากภาพที่เห็นนั้นทำให้พอเดาได้ว่า ซัมซุง กาแล็คซี่ เอส6(เลขรหัสรุ่น SM-G925F)

เพราะด้วยข้อมูลเบื้องต้นนั้น Galaxy S6 จะมาพร้อมขนาดหน้าจอ 5.5 นิ้วความละเอียด 1440 x 2560 พิกเซล, เหตุด้วยหน่วยประมวลผลจักมาพร้อมกัน 2 เช่นเดิมคือแบบ Octa-Core Exynos 7420 processor (64-bit) เหรอ Snapdragon 810 Processor ขึ้นอยู่กับประเทศที่เข้าจำหน่าย

ส่วนของหน่วยประมวลผลภาพ ARM Mali-T760 GPU, ขนาดแรม RAM 3GB เด็ดที่กล้องหลังซึ่งมีความละเอียดสูงถึง 20 ล้านพิกเซล, กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซลพร้อมรันบน ระบบปฏิบัติการ Android 5.0 Lollipop แบบใหม่

เพราะด้วยข้อมูลสเปคที่หลุดออกมาในครั้งนี้นั้นสมมติใครยังพอจำกันได้ข้อมูลที่เห็นนั้นไม่ได้แตกต่างจากข่าวเอิกเกริกก่อนหน้านี้มากนัก ซึ่งมันคงไม่ว๊าวว....จนทำให้ตื่นเต้นอะไรมากนักในปัจจุบันนี้ เพราะคนส่วนใหญ่คาดหวังในเรื่องการดีไซน์มากกว่านั้นสิของสุทธิ!!

เบื้องต้นคาดว่า Samsung Galaxy S6 (ซัมซุง กาแล็คซี่ เอส6) คงมีกำหนดการวางจำหน่ายในเดือนเดียวกับ Samsung Galaxy S5 (ซัมซุง กาแล็คซี่ เอส5) ต้นปีหน้าครับ

ที่มา - http://hitech.sanook.com/1393257

     

    

หากคุณขบคิดว่านี่คือตลับเกมเทพนิรมิต คุณกำลังเข้าใจผิด!

เนื่องด้วยใครก็ตามที่กำลังมองหาของขวัญให้เหล่าเกมเมอร์  วันนี้สมิตมีไอเทมแปลกๆที่เกมเมอร์ยุคเก๋าเห็นแล้วต้องอดชื่นชมไม่ได้แน่แวบ แรกที่สมิตเห็นรูปก็คิดว่ามันคือตลับเกมที่ใครไม่รู้อุตริเอาไปล้าง น้ำ  แต่พอดูดีๆ ..เอ๊ะ  นี่มันไม่ใช่ตลับเกม  แต่มันคือสบู่รูปตลับเกมต่างสมมติว่าล่ะ!!!

ดูเผินๆก็เข้าใจว่ามันคือตลับเกม  แต่ก็งงๆว่าทำไมมีฟอง  ตอนแรกเห็นรูปก็คิดว่าใครทะลึ่งเอาตลับเกมไปล้างน้ำเสียอีก (..ก็อุตส่าห์คิดได้เนอะคนเรา)  ที่ไหนได้  พออ่านรายละเอียดดีๆถึงรู้ว่ามันคือสบู่ที่ทำรูปร่างเลียนแบบตลับเกมกาลสมัย ก่อนต่างสมมติ!!  ทำได้ใช้ทำความสะอาดชำระล้างร่างกายได้เหมือนสบู่ปกติทั่วไปทุกประการ

สบู่ที่ว่ามีวางขายลอดเว็บไซต์ Firebox มี ทั้งรูปแบบตลับเกมบอย  กับตลับเกมเครื่องซุปเปอร์แฟมิคอม (เด็กคราวนี้จักรู้จักเครื่องซุปเปอร์ฯมั้ยเนี่ย!!!)  ซึ่งแบบตลับเกมบอยก็จะมีเกมให้เระบือกดังนี้

   - Earthworm Jim
   - Kirby’s Dreamland
   - Pokemon Blue
   - Pokemon Red
   - Super Mario Land
   - Tetris
   - The Legend of Zelda

สรุปค่าของเจ้าสบู่รูปตลับเกมบอยอยู่ที่ก้อนละ £8.99 (กะ 460 บาท!!!) มาพร้อมตลับใส่สบู่ที่หน้าตาเหมือนตลับเกมของจริงทุกประการ

ส่วนสบู่รูปตลับเกมเครื่องซุปเปอร์แฟมิคอมนั้นยิ่งแพงกว่าแบบตลับเกมบอย อีก  มูลค่าอยู่ที่ก้อนละ £12.99 ไม่ใช่หรือคาดคะเน 670 บาท  มีให้เเล่าลือกทั้งหมด 4 เกมด้วยกัน  คือ Donkey Kong Country, Street Fighter II Turbo, Super Mario Kart พร้อมด้วย The Legend of Zelda

เห็นมูลค่าแบบนี้แล้ว  สมิตว่าซื้อสบู่มาดามเฮงให้เพื่อนเป็นของขวัญปีใหม่น่าจะดีกว่านะคะ  อิอิ

ที่มา: http://hitech.sanook.com/1393077